ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคุณสมบัติที่จะทำให้เรามีไมตรี มีสิ่งดี ๆ เข้ามาอย่างยั่งยืน ดั่งเช่นนิทานเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นในบ้านนาแห่งหนึ่ง
กาลครั้งหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางบรรยากาศท้องทุ่งนา ชาวบ้านมีอาชีพทำนาข้าวกันเป็นส่วนใหญ่ และที่นี่เองมีเด็กหนุ่มผู้มีความสามารถและขยันหมั่นเพียรคนหนึ่งชื่อว่า “ราช” ซึ่งเขามีพรสวรรค์พิเศษในการเป่าขลุ่ยได้ไพเราะยิ่งนัก และเสียงดนตรีจากขลุ่ยของเขาสามารถสะกดใจใครก็ตามที่ได้ฟัง เขาเป็นที่รักของทุกคนในหมู่บ้านจากนิสัยที่อ่อนน้อมถ่อมตัวและใจดี
วันหนึ่งที่หมู่บ้านแห่งนี้ได้มีกิจกรรมลานวัฒนธรรมลานดนตรี ที่จะเกิดขึ้นในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า มีการเปิดรับสมัครผู้ที่มีความสามารถมาร่วมประชันความสามารถบนเวทีลานวัฒนธรรมแห่งนี้ เมื่อข่าวแพร่ออกไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ทำให้มีผู้สนใจ ผู้มีความสามารถจำนวนมากมายในอีกหลาย ๆ หมู่บ้านต่างมาสมัครเข้าร่วมแข่งขันประกวด
ราชเองก็ได้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมด้วยเช่นกัน เขาฝึกซ้อมฝีมืออย่างหนัก ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน เวลาผ่านไปวันงานลานวัฒนธรรมลานดนตรีก็ได้มาถึง ราชหายใจเข้าลึก ๆ และเล่นทำนองเพลงที่มีเสน่ห์ที่สุดจากขลุ่ยของเขา ผู้ชมต่างต้องมนต์สะกด และแม้แต่นักดนตรีชื่อดังจากหมู่บ้านอื่น ๆก็ยังประทับใจในพรสวรรค์ของเขา ราชได้รับรางวัลชนะเลิศในกิจกรรมครั้งนี้
ข่าวลือแพร่สะพัดอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับการแสดงที่ไม่ธรรมดาของราช และในไม่ช้า เขาก็กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ผู้คนต่างชื่นชมเขาในทักษะอันน่าทึ่งของเขา และจากนั้นไม่นานราชก็เริ่มเชื่อว่าตัวเองเป็นนักดนตรีที่เก่งที่สุดในโลก
เมื่อเริ่มมีชื่อเสียง เขาก็เริ่มโอ้อวดเกี่ยวกับความสำเร็จของเขา และแม้กระทั่งการดูถูกเหยียบย่ำนักดนตรีคนอื่น ๆ เขาไม่ใช่ราชคนเดิมอีกต่อไป
วันหนึ่ง มีชายชราคนหนึ่ง ได้แวะมาเที่ยวที่หมู่บ้านแห่งนี้ ชายชรามีชื่อเสียงในแวดวงทางดนตรี และเดินทางไกลไปทั่วเพื่อจะเสาะหานักดนตรีที่มีฝีมือ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วชายชราคนนี้คือเจ้าของค่ายเพลงชื่อดัง ที่เคยปั้นนักดนตรีชาวบ้านให้โด่งดังมาหลายคนแล้ว ชายชราได้ขอให้ชาวบ้านช่วยพาตนไปพบกับราช แต่ทว่าทันทีที่ได้พบกับราช สิ่งที่ชายชราเห็นคือ ความเย่อหยิ่งของเด็กหนุ่ม โดยไม่ทันได้รู้ว่าชายชราคือใคร ราชดูถูกชายชราและขอท้าดวลดนตรี ชายชรายิ้มและรับคำท้า
วันรุ่งขึ้น ได้มีการจัดเวทีการประชันขึ้น และทั้งหมู่บ้านก็รวมตัวกันเพื่อเป็นสักขีพยานในการแข่งขัน ราชเล่นขลุ่ยอย่างมั่นใจ โดยหวังว่าจะโดดเด่นกว่าชายชรา อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ชายชราเริ่มเล่นดนตรีขลุ่ยเช่นกัน ทำนองที่ไม่ธรรมดาก็ดังก้องอยู่ในอากาศ มันเป็นเพลงที่เข้าถึงส่วนลึกที่สุดของหัวใจของผู้คน ทำให้ผู้ชมต่างตกตะลึง ราชเองเมื่อได้ยินเสียงขลุ่ยของชายชราก็มือไม้สั่น ตกในภวังค์จิต จนเล่นทำนองผิด ๆ ถูก ๆ เมื่อจบการแสดงทุกอย่างเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งต่อสายตาผู้คน ราชแพ้ให้กับชายชราอย่างราบคาบ ชายชราได้โค้งคำนับให้กับผู้ชม และเดินไปจับมือกับราชอย่างไมตรีและอ่อนน้อม
เสียงคนโห่ร้องดังกึกก้อง ต่างชื่นชมในความมหัศจรรย์ทางดนตรีของชายชรา และต่างประมือให้กับความอ่อนน้อมถ่อมตน แม้ว่าชายชราจะชนะก็ตาม แต่ก็ไม่มีทีท่าจะเย่อหยิ่งหรือเหยียบย่ำผู้แพ้แต่อย่างใด
ณ เวลานี้ราชน้ำตาไหล พร้อมทั้งก้มลงกราบชายชราและผู้ชมทั้งหลาย เขาเข้าใจและสำนึกผิดแล้ว เขาหวนคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ผิดพลาดมานานแสนนาน เมื่อรู้ว่าชายชราแท้จริงแล้วคือใคร ยิ่งทำให้ราชน้ำตาไหลและปล่อยโฮเสียงดัง ราชได้ลั่นวาจาสาบานต่อหน้าผู้คนว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่โอ้อวดความสามารถของเขาและจะชื่นชมทักษะของผู้อื่นเสมอ
ชายชรายิ้มแสดงความยินดีกับราช สำหรับการตระหนักรู้ของเขา และแนะนำให้เขาใช้พรสวรรค์ของเขาเพื่อเผยแพร่สร้างความสุขให้ผู้คน แทนที่จะแสวงหาแต่ชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว ราชพยักหน้าแสดงความขอบคุณและตอบรับกับประสบการณ์ดังกล่าว เขาขอบคุณชายชราสำหรับบทเรียนอันมีค่า
ในเวลาต่อ ๆ มา ราชเมื่อมีโอกาสแสดงดนตรีที่ไหน เขาก็จะไม่ลืมที่จะโค้งคำนับผู้ชมของเขา เขาแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนทุกครั้งที่ทำการแสดง จนเป็นแบบอย่างที่ดีและชื่อเสียงของเขาก็กลับมาอีกครั้ง
นิทานจบแล้วครับ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การโอ้อวดเกี่ยวกับความสำเร็จของตนอาจนำมาซึ่งความรุ่งโรจน์ชั่วคราว แต่ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงอยู่ที่ ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความเคารพต่อผู้อื่น
หรือดูเป็นคลิปที่นี่เลยครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น