เคยสงสัยมั้ยทำไมบางครั้งเราก็ทำอะไร ๆ เหมือนเขา แต่ทำไมเขากลับได้รับความเอ็นดู ได้รับความรัก ได้รับความสำเร็จ แต่เรากลับได้รับผลอีกแบบที่ตรงกันข้ามเลย ขอยกตัวอย่างตามนิทานเรื่องนี้ครับ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ หมู่บ้านกลางป่าแห่งหนึ่ง ผู้คนอาศัยอยู่กันกับสัตว์ต่างพึ่งพิงอาศัยกันและกัน อยู่มาวันหนึ่ง มีลิงแสนซนตัวนึงได้ขึ้นไปบนหลังคาบ้านหลังหนึ่ง เจ้าลิงน้อยปีนป่ายขึ้นลงไปมา สร้างเสียงหัวเราะให้กับเจ้าของบ้านและผู้คนที่ผ่านมาเห็น เพราะด้วยความไร้เดียงสาของมัน ผู้คนต่างพอใจและยิ้มให้มัน
เจ้าลาตัวหนึ่งเห็นเข้า และคิดอยากได้รับความรัก อยากได้รับรอยยิ้มแบบเจ้าลิงตัวนี้บ้างจัง ทันใดนั้นเจ้าลาจึงได้วิ่งขึ้นไปบนหลังคา ทำหน้าตาซื่อ ๆ วิ่งไปวิ่งมาเพื่อหวังจะเป็นที่รักและชื่่นชมเหมือนกับลิง
แต่ทว่า ทุกก้าวที่ลาวิ่งกลับทำให้กระเบื้องนั้นแตกร้าว บ้างก็ชำรุดร่วงหล่นลงมา ทำให้เจ้าของบ้านโกรธแค้น และผู้คนที่ผ่านมาเห็นก็รู้สึกรำคาญใจที่ลาทำอะไรไปไม่รู้จักคิดถึงผลเสียที่ตามมาเอาเสียเลย ต่างพากันขว้างปาก้อนหินใส่ลาเพื่อหวังจะให้มันรีบลงมาจากหลังคาโดยเร็ว
เจ้าลารู้สึกเสียใจ และเจ็บปวดจากการถูกก้อนหินปาใส่ จึงรีบลงมาจากหลังคา และรีบวิ่งหายเข้าป่าไป มันรู้สึกเสียใจเป็นยิ่งนัก มันคิดกลับไปกลับมาในใจว่าทำไม แค่อยากให้ผู้คนรักและชื่นชม และก็ทำเหมือนกับที่ลิงทำแท้ ๆ แต่ทำไมเขาถึงไม่รัก มิหนำซ้ำกลับถูกเกลียดชัง
ข้อคิดท้ายเรื่อง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า (มี 2 ข้อนะครับ)
- ความอิจฉานำมาซึ่งความทุกข์มาสู่ตัวเอง เหตุเริ่มต้นก็คงหนีไม่พ้นที่เจ้าลาอิจฉาลิง ซึ่งสามารถทำให้คนอื่นรักใคร่ได้ จึงเป็นบ่อเกิดแห่งความผิดพลาด และความทุกข์ตามมา
- คนเราทุกคนต่างมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน หากใครทำสิ่งนี้แล้วดีแล้วเด่น ก็อาจไม่ได้หมายความว่า เราจะทำเหมือนเขาแล้วจะดีจะเด่นแบบเขา แต่บางครั้งจุดดีจุดเด่นของเราอาจเป็นอย่างอื่นก็ได้ ดังนั้น จึงไม่ต้องเศร้าใจไปนะครับ คนเราก็มีสิ่งดีสิ่งเด่นด้วยกันทั้งนั้น แค่อาจจะไม่เหมือนกัน หรือถนัดไม่เหมือนกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น