เคยมั้ยครับ เป็นมือใหม่หัดทำบุญ หัดเข้าวัด แต่พอย่างก้าวเข้าไป ก็ต้องเจอกับคนที่มาวัดประจำ (อาจเพราะแค่เบื่อ ๆ หรือบ้านใกล้วัด ก็เลยมา) โดนบ่นเรื่องระเบียบต่าง ๆ ในการเข้าวัด ดังเช่นเรื่องนี้
วันนี้วันพระ 2 สามีภรรยาได้ชวนกันไปทำบุญที่วัด และวันนี้ทั้ง 2 ก็ได้มีโอกาสได้ฟังการแสดงพระธรรมเทศนาจากพระสงฆ์ด้วย ด้วยความที่เป็นครั้งแรกของการมาเข้าวัดทำบุญของฝ่ายสามีหนุ่ม เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ ก่อนจะเข้าไปในศาลาฟังธรรมเขาได้พูดกับภรรยาสาวว่า
ชายหนุ่ม: "ที่รัก ดีจังเลยวันนี้เรามาทำบุญด้วยกัน เป็นครั้งแรกของผมด้วยสิที่ได้มาทำบุญวันนี้ ไม่นึกว่ามันจะทำให้สบายใจได้แบบนี้ รู้สึกดีจริง ๆ"
ในศาลาการเปรียญ ขณะที่พระคุณเจ้าได้เทศนาอยู่นั้น บังเอิญว่าเสียงริงโทนเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มผู้เป็นสามีดังขึ้น แถมเป็นเสียงที่ดังมาก ๆ ด้วย ในขณะนั้นเองพระคุณเจ้าจึงหยุดเทศนาชั่วคราว แล้วหันมาพูดกับชายหนุ่มว่า
พระคุณเจ้า: "โยม! รบกวนช่วยปิดเสียงโทรศัพท์มือถือหน่อยนะ"
ณ ตอนนี้สายตาหลาย ๆ คู่จากคนที่เข้ามาฟังพระเทศน์ด้วยกันในวันนี้เริ่มหันมามองชายหนุ่ม เอาล่ะสิ ชายหนุ่มรู้สึกประหม่า และรู้สึกผิดมาก ๆ แต่สายที่โทรเข้าก็เป็นเบอร์เจ้านาย และมีความสำคัญจำเป็นต้องรับสายอยู่ด้วยสิ เขาจึงค่อย ๆ หลบสายตาผู้คน ค่อย ๆ ก้มหน้าลงรับโทรศัพท์ แล้วใช้มืออีกข้างนึงป้องปิดโทรศัพท์เอาไว้ เขารีบคุยธุระสำคัญแบบรีบ ๆ และเสียงดังเบาที่สุด
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก การแสดงพระธรรมเทศนาของพระคุณเจ้าจึงได้สิ้นสุดลง ชายหนุ่ม หญิงสาวภรรยา และคนอีกหลาย ๆ คน จึงได้เดินออกมาจากศาลาแสดงพระธรรมนั้น และในขณะนี้เองมีบางคนก็ได้เดินมาหาชายหนุ่ม แถมตรงเข้ามาต่อว่าเขา
ชายวัยสูงอายุคนหนึ่ง: "นี่ไอ้หนุ่ม ทำไมนะ จึงไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักกฎเกณฑ์ รู้มั้ยในสถานที่ต่าง ๆ น่ะเขาก็ต้องมีกฎระเบียบกันทั้งนั้นแหละ และที่นี่เป็นวัด เป็นศาลาการฟังธรรม เอ็งก็น่าจะรู้นะพ่อหนุ่ม ว่าเขาต้องการความเงียบ ทีหลังน่ะหัดเตรียมความพร้อม ปิดมือเสียงมือถือเสียก่อนสิ ไม่งั้นน่ะเสียงมือถือมันจะทำลายสมาธิของคนอื่น"
ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกไม่ดี เขาจึงรีบชวนภรรยาขึ้นรถกลับบ้าน แต่ทว่าในขณะที่กำลังขับรถกลับบ้าน ภรรยาก็ได้ต่อว่าเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างนักเช่นกัน ตลอดเส้นทางของการขับรถกลับบ้าน
ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ หลังจากส่งภรรยากลับบ้านแล้ว เขาจึงขับรถออกมาแล้วไปนั่งเล่นที่บาร์แห่งหนึ่ง ณ ที่บาร์นั้นเองเขาได้สั่งเบียร์มาขวดหนึ่ง ในขณะที่กำลังนั่งจิบเบียร์เย็น ๆ อยู่นั้น ความคิดต่าง ๆ ก็ได้วิ่งเข้ามาในหัวของเขา
ชายหนุ่ม (พูดกับตัวเองเบา ๆ): "เห้ย! วันนี้จริง ๆ เราตั้งใจจะไปทำบุญซะด้วยซ้ำไป กะว่าทำแล้วน่าจะสบายใจขึ้น แต่ทำไมนะถึงมีแต่คนมาต่อว่าต่อขานเรามากมายขนาดนี้ด้วย รวมทั้งเมียของเราก็ต่อว่าเราอย่างหนัก เห้ย! รู้สึกน้อยใจในการทำบุญครั้งนี้จริง ๆ เลย"
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิดถึงเรื่องของเช้าวันนี้ด้วยความกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่นั้น เขาดันพลาดหยิบขวดเบียร์ขึ้นมา แล้วเผลอทำขวดเบียร์ตกพื้นแตก คนรอบ ๆ ข้างใกล้โต๊ะของเขาก็จึงเริ่มหันมามาองเขา เอาล่ะสิ ทันใดนั้นก็มีคน 3 คนค่อย ๆ เดินตรงเข้ามาหาเขา ณ วินาทีนี้ ชายหนุ่มรู้สึกเกรงกลัวในหัวใจอีกครั้ง
ชายหนุ่ม (คิดในใจ): "แย่แล้ว คิดมากจนเผลอทำขวดเบียร์ของร้านแตก 3 คนนั้นที่เดินมาหาเรา คงกำลังจะมาต่อว่าเราอีกแน่นอนเลย เห้ย! วันนี้มันช่างเป็นวันซวยของเราจริง ๆ"
แต่ตรงกันข้ามเลย 3 คนที่เดินมาหาเขา คือคนที่ทำงานอยู่ที่บาร์แห่งนี้ คนนึงถือไม้กวาดและไม้ถูพื้นมาช่วยทำความสะอาดให้ อีกคนก็ช่วยเช็ดโต๊ะให้ ส่วนอีกคนน่าจะเป็นผู้จัดการร้านก็เดินตรงเข้ามาพร้อมกับขวดเบียร์ขวดใหม่
คนเช็ดโต๊ะ: "ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับพี่ เศษแก้วจากขวดเบียร์บาดพี่หรือเปล่า เอาล่ะ! เดี๋ยวผมเช็ดโต๊ะทำความสะอาดให้นะครับ"
ผู้จัดการ: "ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ต้องคิดมากครับพี่ ผมเป็นผู้จัดการร้านนี้ครับ เดี๋ยวพี่เอาเบียร์ขวดใหม่เลยไม่ต้องซีเรียส คราวหลังก็ระวัง ๆ นะครับ เดี๋ยวเศษแก้วมันอาจบาดพี่ได้"
- ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ไหน ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ขายเหล้า จะเป็นผับ หรือจะเป็นวัด เป็นโรงเรียน เป็นสถานพยาบาล หรือที่อื่น ๆ หากเป็นสถานที่ที่เปิดชอบด้วยกฎหมาย ทุกสถานที่ก็ล้วนแล้วแต่สามารถหามิตรภาพกันได้ทั้งนั้นแหละครับ ไม่จำกัดว่าที่นี่เป็นบาร์เหล้าแล้วจะไม่มีมิตรภาพนะ อย่างนี้ไม่ใช่ครับ หรือที่นี่เป็นวัด เป็นโรงเรียน เป็นสถานพยาบาลแล้วจะต้องไม่มีคนที่จ้องจะดุด่าว่าเราเลย คงเป็นไปไม่ได้ เพราะทุก ๆ สถานที่ ต่างมีทั้งคนดี มีทั้งคนไม่ดี และแต่ละสถานที่ก็มีกรอบระเบียบของแต่ละสถานที่นั้น ๆ ครับ เพียงแต่ว่า สถานที่บางอย่าง เช่น วัด หรือสถานที่ที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจ ที่ต้องรับผู้คนใหม่ ๆ เข้าไป ควรจะอนุโลมในความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างได้บ้าง อย่าเอากรอบระเบียบมากีดกันมิตรภาพและสิ่งดี ๆ เลยนะครับ บางอย่างเราก็ควรเลือกเดินทางสายกลางบ้าง ไม่ตึงเกินไป และไม่หย่อยจนเกินไปนะครับ เพราะอาจทำให้คนที่คิดจะทำความดี เขาท้อใจไปเสียก่อนนะครับ
- ข้อคิดอีกอย่างนึงมาจากตัวเราเองครับ หากว่าเรากำลังตั้งใจที่จะทำบุญหรือทำความดีแล้วล่ะก็ จงจำไว้ว่า บางครั้งการที่เราทำความดีจะยากกว่าการทำความชั่วเสมอ เช่น หากเราเจอท่อนไม้ขวางทางรถ มันง่ายมากที่เราจะขับรถหลีกออกไป แล้วขับต่อ แต่มันอาจจะยากกว่า หากเราต้องขับรถแล้วหาที่จอดที่ปลอดภัย แล้วลงจากรถมาหยิบท่อนไม้นั้นออกจากทางรถที่มันขวางนั้นเสีย ซึ่งอาจต้องเสียเวลา และอาจต้องเสี่ยงกับการข้ามถนนเพื่อเดินไปทำความดีนั้น ซึ่งมองแล้วมันก็ยากกว่าการที่ไม่ทำอะไร แต่สิ่งที่ได้คือ เราได้ทำความดี เราได้ช่วยเหลือคนอื่น ๆ ที่อาจขับรถไม่ทันระวังแล้วเผลอชนกับท่อนไม้ท่อนนี้ และที่แน่ ๆ คือ ทุกครั้งที่คุณทำความดี มันจะเกิดแต้มบุญสะสมไว้ใจตัวคุณเสมอครับ ไม่หายไปไหนแน่นอน อันนี้ฝากข้อคิดไว้นะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น