ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เคยมั้ย? ช่วยเหลือเขา แต่เรากลับได้รับโทษ | นิทานเรื่อง คนกับป่าไม้

 คำโบราณกล่าวกันไว้ว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" แต่ทำไมในบางครั้งเราก็กลับได้ยินมาเสมอ ๆ ว่า ทำความดีช่วยเหลือเขาแท้ ๆ แต่ไหงกลับได้รับผลตอบแทนไม่ดีกลับมาล่ะ บทความนี้พอจะมีตัวอย่างคำตอบครับ


เรื่องนี้จะขอยกตัวอย่างจากนิทานอีสป เรื่อง คนกับป่าไม้ มาเล่าในสไตล์ blog อาจารย์ X นะครับ โดยเรื่องมีอยู่ว่า

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ชายวัยกลางคน ๆ หนึ่ง ซึ่งเขาเป็นคนตัดไม้ วันหนึ่งเขาได้เดินเข้าป่าศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง ซึ่งในป่าแห่งนี้ไม่ว่าใครก็ตามจะทำอะไร เช่น จะมาหาน้ำดื่มจากในลำธาร หรือจะมาหาของป่า หรือจะมาขอเศษกิ่งไม้เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ก็ตาม ทุก ๆ คนจะต้องมาขอกับเจ้าป่าเจ้าเขาที่นี่เสียก่อน เพราะมิเช่นนั้นจะทำไม่ได้ จะต้องถูกเจ้าป่าเจ้าเขาลงโทษ

ชายคนนี้จึงได้เดินเข้าป่า และตรงเข้าไปยังที่ ๆ เจ้าป่าเจ้าเขาพำนักอยู่ (เจ้าป่าเจ้าเขาในเรื่องนี้คือ คุณปู่ผู้เฒ่าต้นไม้ใหญ่)


ชายวัยกลางคน: "ท่านผู้เฒ่าเจ้าป่า ข้าเดินเข้าป่าลึกมาในวันนี้ ก็เพื่อจะมาขอกิ่งไม้สักกิ่งจากท่าน ขอท่านได้โปรดอนุญาตด้วยเถิด ข้าจะได้นำกิ่งไม้ไปใช้ประโยชน์ต่อไป อ้อ! ข้าขอกิ่งเท่าแขนเลยนะท่าน"

ท่านผู้เฒ่าเจ้าป่าผู้มีจิตใจเมตตา และพร้อมช่วยเหลือผู้คนเสมอ เมื่อได้ยินแบบนี้จึงอนุญาต และได้มอบกิ่งไม้กิ่งหนึ่งขนาดเท่าแขนให้กับชายคนนี้ไป

และแล้วเมื่อชายคนนี้ได้กิ่งไม้ที่ท่านผู้เฒ่าเจ้าป่าให้มา เขาไม่รอช้าจึงได้นำกิ่งไม้นี้ไปตัดเป็นด้ามขวาน พร้อมประกอบกับตัวใบมีดขวาน

ตอนนี้ชายคนนี้ได้ขวานที่ถนัดมือ พร้อมแล้วกับการนำไปตัดต้นไม้ และที่น่าเสียใจเป็นยิ่งนัก คือ ชายคนนี้ได้ย้อนกลับมายังป่าแห่งเดิม เขาได้ทำการตัดต้นไม้ทุก ๆ ต้นในผืนป่าแห่งนี้จนหมดเกลี้ยง

นิทานจบแล้วครับ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การให้ความช่วยเหลือศัตรู อาจนำผลร้ายมาสู่ตัวเราในภายหลังได้

จากคำถามในตอนต้นของบทความนี้ที่ว่า ทำไมเราช่วยเหลือเขา แต่เรากลับได้รับโทษ ก็เพราะว่า ในกรณีตัวอย่างนี้ ท่านเจ้าป่าเจ้าเขารู้ดีและเห็นอยู่แล้วว่า ผู้ชายวัยกลางคน ๆ นี้เป็นคนตัดไม้ที่เคยตัดไม้มามากมาย แสดงว่าคนตัดไม้นี้เปรียบเสมือนศัตรูของผืนป่า ซึ่งต่อให้ท่านเจ้าป่าจะมีความเมตตาใจดี มีคุณงามความดีอยู่ในตัวก็ตาม แต่หากช่วยเหลือผิดคน ดันไปช่วยเหลือศัตรูแล้วล่ะก็ อาจส่งผลเสียตามมาภายหลังเหมือนในกรณีนิทานเรื่องนี้

และในชีวิตจริงก็เช่นกันนะครับท่านผู้อ่าน ในการช่วยเหลือคนอื่น หรือการให้ทาน ปกติจะประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ประการ (ตามหลักธรรมะในพระพุทธศาสนา) คือ

- ผู้ให้บริสุทธิ์

- ของที่ให้บริสุทธิ์

- ผู้รับบริสุทธิ์

หากเราบริจาคสิ่งของ หรือให้ความช่วยเหลือใคร ๆ แน่นอนว่าเราเป็นผู้ให้เราบริสุทธิ์ใจแน่นอน ข้อนี้จึงผ่าน

ของที่ให้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของซึ่งได้มาด้วยความสุจริต หรือจะเป็นความช่วยเหลือที่เราให้ไปด้วยความจริงใจ ดังนั้นข้อนี้ก็ผ่าน

แต่ผู้รับ บางครั้งผู้รับมิได้มีเจตนาหรือจิตใจที่บริสุทธิ์ เช่น หากเราช่วยเหลือศัตรู หรือช่วยเหลือคนไม่ดีเข้าไป แน่นอนว่าองค์ประกอบของข้อนี้จึงไม่ผ่านครับ

จึงเป็นที่มาของคำคม หรือข้อความเปรียบเทียบที่ว่า "คนบางคน ไม่สมควรแก่การช่วยเหลือ"

หมายเหตุ

การบริจาคทำบุญต่าง ๆ ให้กับโรงเรียน ให้กับวัด ให้กับสถานพยาบาล หรือให้กับมูลนิธิผู้ยากไร้นั้น ถือว่าองค์ประกอบ 3 อย่างครบถ้วน ทั้งเรา ทั้งของที่ให้ และผู้รับซึ่งรับไปช่วยเหลือคนอื่นต่อครับ สาธุ



ส่งเสริมคุณธรรม ผ่านช่องทางความบันเทิง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมประจำเดือน

ที่มางานประเพณีชักพระ (ลากพระ) เดือน ๑๑ | ตัวอย่างงานจาก อบต.ท่าข้าม หาดใหญ่ [ท่านางข้าม]

 หากพูดถึงประเพณีชักพระ หรือลากพระ ซึ่งเป็นพระเพณีที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานของทางภาคใต้ของประเทศไทย (จะพบประเพณีนี้เป็นส่วนใหญ่)

ตำนานผี คุณยายสปีด || ท่านางข้าม

 เรื่องเล่าสุดสยองที่ถูกสืบต่อกันมา จากโศกนาฏรรมสู่เรื่องราวสุดสยองน่ากลัวของเมืองหาดใหญ่ (จ.สงขลา) ตำนานผี คุณยายสปีด (มีคลิป)

นิทานเรื่อง ทำบุญแต่ได้บาป [ท่านางข้าม]

 กาลครั้งหนึ่ง ในหมู่บ้านเล็ก ๆ มีวัดแห่งหนึ่งที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งหมู่บ้าน นายคงมั่นเป็นคนที่ชอบเข้าวัดทำบุญ เขามักจะนำของต่าง ๆ มาถวายพระ นายคงมั่นสามารถท่องจำบทสวดมนต์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ และเป็นคนที่เคร่งต่อพิธีกรรมต่าง ๆ ในการทำบุญอย่างมาก