สำหรับเรื่องนี้ทาง Blog จะขอยกเอาตัวอย่างจากในนิทานอีสป (ที่เล่าในสไตล์ของเรา) มานำเสนอครับ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ลานกว้างใหญ่ของป่าแห่งหนึ่ง มีเจ้าสิงโตตัวนึง มันกำลังหิวโหย มันเดินออกหาอาหาร เพื่อหวังว่าจะเจอสัตว์สักตัว จะได้จับมากินเป็นอาหาร มันเดินไปเรื่อย ๆ และเดินไปสักพักใหญ่ ๆ
และแล้วมันก็ได้เจอกับกระต่ายป่าตัวนึง เจ้าสิงโตไม่รอช้า มันตรงเข้าไปจับกระต่ายป่าได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่เจ้าสิงโตกำลังจะขย้ำกระต่ายป่านั้น มันก็ต้องหยุดชะงัก เพราะในเบื้องหน้านั้นเอง มีกวางตัวนึงกำลังกินหญ้าอยู่ สิงโตเหลือไปเห็นพอดี
"กวางตัวนี้ดูช่างตัวใหญ่ เนื้อแน่น ถ้าได้กินคงจะอิ่มไปอีกนานแน่ ๆ" เจ้าสิงโตคิดในใจ
ด้วยความโลภอยากได้ของสิ่งใหม่ มันจึงละวางกระต่ายป่าเอาไว้เบื้องหลัง แล้วจึงออกวิ่งไล่กวางตัวนั้นที่อยู่ตรงหน้าทันที
แต่ทว่า ยิ่งวิ่งไล่เท่าไหร่ กวางก็ยิ่งหนีไปไกลเรื่อย ๆ เรี่ยวแรงของวิงโตก็เริ่มหมด เริ่มเหนื่อยล้ามากขึ้นเนื่องจากความหิวโหย มันจึงจำใจต้องยอมแพ้ ปล่อยให้กวางหนีไปได้
เจ้าสิงโตจึงเดินกลับมาที่เดิม ที่ที่มันเคยจับกระต่ายป่าได้ แต่ทว่าบัดนี้เจ้ากระต่ายป่าไม่มีอยู่อีกแล้ว กระต่ายป่าได้หนีไปเสียแล้ว ทำให้เจ้าสิงโตต้องอดกินอาหาร และต้องหิวโหยต่อไป
นิทานจบแล้วครับ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "จงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่"
เหมือนดั่งในชีวิตจริงของเรานะครับ เมื่อเรามีสิ่ง ๆ นั้นอยู่แล้วจงใช้มันให้คุ้มค่าก่อน
จริง ๆ การไขว่คว้าหาสิ่งใหม่ ๆ มาเพิ่ม มันไม่เป็นเรื่องผิด หากสิ่งนั้นสุจริตนะครับ เพียงแต่แค่อยากจะบอกว่า ถ้าเราคิดแบบพอเพียง หรือพอใจในสิ่งที่มีอยู่แล้ว มันก็จะทำให้เกิดความสุขขึ้นในทุก ๆ วันนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น