หยุด! หากถูกการบูลลี่ (Bully) คนส่วนใหญ่มักทนไม่ไหว แต่อย่าทำแบบนี้คืน เด็ดขาด...
เมื่อพูดถึง "การบูลลี่" หรือภาษาอังกฤษ "bully" แปลตามตัว คือ (กริยา) ระราน, ข่มเหงรังแก (คำนาม) คนพาล
หรืออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ การไประรายคนอื่นไม่ว่าจะเป็นการแสดงออก หรือการที่พูดทำให้เขาต้องเจ็บปวด เจ็บช้ำน้ำใจ โดยในทางปัจจุบัน ในกระแสสังคม มักใช้คำนี้กับสื่อโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook, ทาง YouTube, ทาง TikTok, ทาง IG หรือทางอื่น ๆ โดยมักจะมีคำเรียกคำอื่น ๆ ประกอบกันเข้ามาให้กับคนบูลลี่ เช่น นักเลงคีย์บอร์ด หรือนักเลงโซเชียล นั่นเอง
ทีนี้หากเราถูกบูลลี่ ไม่ว่าจะด้วยการถูกเข้าใจผิด หรือเพราะความเห็นต่างเขา หรือเกิดเพราะการกระทำของเราก็ตาม
จงจำไว้ฝังใจเลยว่า จงอย่าใช้อารมณ์ตอบโต้กลับอย่างเด็ดขาดครับ ยิ่งถ้าเราเป็นฝ่ายผิดแล้วล่ะก็ อย่าตอบโต้อย่างเด็ดขาด แต่จงหยุด และหยุดรอจังหวะสักพัก แล้วให้ออกมาขอโทษ ยอมรับผิดอย่างตรงไปตรงมา แล้วอธิบายถึงแนวทางการแก้ไข ว่าต่อไปจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น และทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก
หากคิดว่า เราไม่ได้ผิด แค่ถูกใส่ร้ายต่อ ๆ กันในโซเชียล สิ่งที่ต้องทำสิ่งแรกเช่นกันครับ หยุด! รอเวลา แล้วนำหลักฐานเข้าแจ้งความตามกระบวนการยุติธรรม แล้วจากนั้นจึงมาชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความสุภาพ และอย่าพยายามตอบโต้ หรือปะทะกลับ หรือบูลลี่กลับเด็ดขาด
ตัวอย่างการบูลลี่ในกระแสสังคมปัจจุบัน
(ทาง Blog ขออนุญาตเล่าแค่เพียงเป็นตัวอย่างแบบตรงไปตรงมา และข้อคิดที่ได้จากเรื่องราวในกระแสนั้น ๆ ก็พอนะครับ แต่จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องดราม่าใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนยังคงชื่นชมผลงานของทุก ๆ ท่านที่ได้กล่าวถึงเสมอ)
1. เจนนี่ รัชนก สุวรรณเกตุ หรือ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น
(รูปภาพจากเฟสบุ๊คเพจ: น้องเจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น)
ผู้เขียนชื่นชมผลงานของคุณเจนนี่มาก ๆ เพราะเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูง ขยันทำงาน มีความสามารถทั้งร้องเพลงและแต่งเพลง
สำหรับเรื่องราวที่จะยกมาเป็นตัวอย่าง จากประเด็นการถูกบูลลี่จนเป็นกระแสดราม่าต่อมาของเธอนั้น เรามาวิเคราะห์กันครับ
- ด้วยนิสัยส่วนตัวของเธอ ปกติเธอเป็นคนไม่ค่อยยอมใครง่าย ๆ เมื่อถูกว่าร้ายมา หรือถูกระรานบูลลี่แบบไหนมา เธอก็มักจะตอบโต้กลับด้วยวิธีการไม่ว่าจะโพสต์ตอบในเฟสบุ๊ค หรือจะเป็นการอัดคลิปตอกกลับทาง TikTok หรือแม้กระมั่งการแต่งเพลง นักเลงโซเชียล ลง YouTube
- ด้วยการเป็นคนอยากทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยโดยเร็ว เพราะนิสัยส่วนตัวของเธอที่เป็นคนมีระบบ ระเบียบวินัย เมื่อมีปัญหามา เธอจึงรีบทำการไลฟ์สด (Live) ตอบกลับทันที
ด้วยนิสัยเหล่านี้ครับ จึงเป็นที่เพ่งเล็งของเหล่าบรรดาผู้ที่เคยไม่ชอบเธออยู่แล้ว หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่รู้จักเธอ หรือคนที่เคยชอบเธอ เมื่อเธอพลาด หลาย ๆ คนจึงกระหน่ำบูลลี่เธอในทันที หลาย ๆ เพจ หลาย ๆ คนพยายามขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตของเธอขึ้นมาเพื่อทำการบูลลี่
ทางออก เรื่องนี้เราได้ข้อคิดครับ และเชื่อว่าคุณเจนนี่ก็คงได้ข้อคิด (ภายหลังจึงมีการปล่อยเพลง บทเรียนชีวิต ขึ้นมาลง YouTube และมีการโพสต์ขอโทษลงเฟสบุ๊ค) ว่าเมื่อเรายิ่งเป็นที่รู้จัก เราก็ยิ่งถูกเพ่งเล็ง มีทั้งคนรัก ก็จะมีทั้งคนเกลียด และมีคนนินทาว่าร้ายเป็นเรื่องธรรมดา
แน่นอนว่าในทางศีลธรรม การนินทาว่าร้าย ผิดศีลข้อ 4 และเป็นบาปแน่นอน แต่เราคงห้ามใครไม่ได้เช่นกันครับ ให้มาห้ามที่ตัวเราดีกว่า จงนิ่งเฉย ยิ่งเป็นบุคคลสาธารณะต้องยิ่งนิ่งให้มาก ระวังเรื่องการตอบกลับ ระวังเรื่องอารมณ์ให้มาก เมื่อผิด (แน่นอนครับ คงไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิด) อย่าแก้ตัว แต่ให้จงรีบแก้ไข เร่งทำความดีชดเชย สิ่งใดที่เคยผิดไปก็ยอมรับมันเสียตรงไปตรงมา
อย่างที่บอกครับ ผู้เขียนขอไม่ติติงใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะผมคิดว่าคุณเจนนี่ คงได้เรียนรู้อะไรเยอะแล้ว ขอให้กำลังใจแล้วกันครับ
2. เก้า เกริกพล
เริ่มมีชื่อเสียงมาจาก รายการ The Voice Kids และมาโด่งดังเป็นพลุแตกอีกครั้ง เมื่อได้มาร่วมงาน ฟิตเจอริ่งกับเพลง 300 ล้านวิว อย่างเพลง เลิกคุยทั้งอําเภอเพื่อเธอคนเดียว กับ ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น โดยมีผู้แต่งคือ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น
ด้วยนิสัยส่วนตัวของ คุณเก้า เกริกพล ที่เป็นคนซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา กตัญญู ห่วงใยผู้มีพระคุณ ทำให้เมื่อมีปัญหาอะไรมากระทบคุณพ่อ จึงเลือกที่จะพูดอะไรออกไปตรง ๆ
(ผู้เขียนชอบนิสัยของคุณเก้าตรงนี้มาก ๆ ครับ ตามที่มีประเด็นดราม่ากับคุณเจนนี่ หากเป็นไปได้ อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถเคลียร์กันได้ และกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง มันจะเป็นอะไรที่วิเศษและลงตัวกันมาก ๆ แต่หากว่าไม่ได้ ก็ขอให้แยกทางกันแบบด้วยดีครับ อย่างที่บอกผู้เขียนขออนุญาตชื่นชมผลงานทั้ง 2 ท่านทั้งสองฝ่ายครับ)
ประเด็นที่เป็นกระแสดราม่า (ตามกระแสที่เป็นข่าว ข้อเท็จจริงอาจต้องรอศาลพิสูจน์ หรือรอการเครียร์กันเองระหว่างคู่กรณีเก้าและเจนนี่ครับ) คุณเก้านั้นหลังจากเพลง เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว โด่งดัง และได้ถูกปฏิเสธจากคุณเจนนี่ถึงส่วนแบ่งใด ๆ ที่ได้จากเพลงนี้ (ได้แค่ 10,000 บาทเป็นค่าใช้จ่ายในตอนต้น) รวมทั้งประเด็นเรื่องการไปออกทีวีด้วยกันกับคุณเจนนี่ แต่กลับได้ค่าตัวกลับมาแค่ 500 บาท จึงทำให้เกิดปัญหาต่อกัน ผ่านเวลามาสักพักใหญ่ ๆ คุณเก้าเลือกที่จะเงียบ และถอยออกมา เรื่องมีทีท่าว่าจะจบ แต่ประเด็นนึงก็เกิดขึ้น เมื่อคุณพ่อทนไม่ไหว เลือกที่จะโทรไปคุยกับคุณเจนนี่ตรง ๆ แต่กลับถูกดูถูกกลับมา (ตามข่าว) แถมคุณเจนนี่พูดเหมือนให้เงินไปจะได้จบ ๆ
ตอนหลังมีการโอนเงินให้คุณเก้าไปอีก 20,000 บาท แต่คุณเก้าไม่สบายใจที่จะรับไว้ จึงทำการโอนกลับ หลังจากเกิดปัญหานี้ขึ้น คุณเก้าโดนแฟนคลับคุณเจนนี่บูลลี่ต่าง ๆ นา ๆ ลุกลามหนักไปจนถึงคุณพ่อ
คุณเก้าจึงนำเรื่องนี้มาไล้ฟ์สด (Live) ได้อธิบายถึงเรื่องต่าง ๆ แต่ทุกอย่างทำหลังจากได้ปรึกษากับผู้ใหญ่ และคุยกับทางกฎหมายไว้ก่อนแล้ว
พร้อมทั้งมีการโชว์หลักฐานต่าง ๆ ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มเห็นใจและเริ่มเข้าข้าง
จากประเด็นนี้ เราจะเห็นว่า เมื่อไหร่ที่เรามีการวางแผน มีการคุยดี ๆ กับผู้ชมหรือแฟน ๆ วางบุคลิคที่ถ่อมตัว มันก็จะมีโอกาสได้ใจแฟน ๆ มากกว่าครับ
สรุป
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าอย่างไร คนเราก็มีทั้งสิ่งที่ดี ๆ มากมาย และสิ่งที่เคยทำผิดพลาด และถูกบูลลี่ ตามที่ผม ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างประกอบนั้น เพื่อเป็นแนวคิดเท่านั้นนะครับ อย่างไรก็ตาม ทางผมเองยังคงชื่นชมทั้ง 2 ท่าน และขอเลือกมองแต่สิ่งดี ๆ มองแต่ผลงานก็พอครับ เรื่องผิดหรือถูกก็ขอให้เป็นเรื่องของทั้ง 2 ฝ่ายครับ
เอาใจช่วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น